โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่ฮิตของร่างกาย ซึ่งในปัจจุบันนั้นมีคนป่วยเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้น อาจจะเป็นเพราะสภาวะแวดล้อมที่มีพิษ หรือว่ามีมลพิษมากขึ้นนั่นเอง

ซึ่งโรคภูมิแพ้นั้นก็มีหลายอย่าง แต่ละคนก็อาจจะแพ้สิ่งต่างๆ กันไป ไม่ว่าจะเป็นแพ้อากาศ แพ้เกสรดอกไม้ แพ้อาหารทะเล แพ้หญ้า แพ้แมลงสัตว์กัดต่อย แพ้ขนสัตว์ หรือว่านมช็อคโกแลตก็มี

สาเหตุของโรคภูมิแพ้นั้นมีอยู่หลายประการ
อย่างแรก ก็คือ เรื่องของสิ่งแวดล้อมและสภาวะที่เป็นพิษ ซึ่งสารเคมีต่างๆ หากถูกผิวที่บอบบางของเราแล้ว ก็อาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ได้และในบางครั้งสภาวะแวดล้อมที่มีแต่สิ่งที่ทำให้เกิดการแพ้ได้ง่าย อย่างทุ่งดอกไม้ หรือว่าที่ที่มีเกสรดอกไม้หรือฝุ่นละอองมากๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้อาการแพ้องเรากำเริบขึ้นมาได้

สาเหตุที่สอง ก็คือ กรรมพันธุ์ ซึ่งหากว่าในครอบครัวองเรามีคนเป็นโรคภูมิแพ้ เราก็มีสิทธิ์เป็นโรคภูมิแพ้ อันเนื่องมาจากระบบภูมิคุ้มกันร่างกายของเรานั้น เป็นสิ่งที่สามารถถ่ายทอดไปสู่ลูกหลานได้

สาเหตุที่สาม ก็คือ อาหารการกิน ซึ่งหากว่าร่างกายรับประทานอาหารที่ทำให้เกิดการผื่นมา ก็จะทำให้ร่างกายมีปฏิกิริยา อย่างเช่น การแพ้อาหารทะเล หรือว่าแพ้นม เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วอาหารที่เราแพ้นั้น มักจะเป็นอาหารประเภทโปรตีน อย่างเช่น นม อาหารทะเล ถั่วต่างๆ ซึ่งหากว่าเราแพ้นั้น ก็จะมีผื่นขึ้นตามตัว และอาจจะมีอาการเกี่ยวกับทางเดินอาหารร่วม อย่างอาการปวดท้องหรืออาเจียน การแพ้อาหารนั้น ในบางครั้งหากว่าเรารับประทานในปริมาณไม่มากพอก็อาจจะไม่มีอาการก็เป็นได้ เราจึงควรต้องระมัดระวังการรับประทานอาหารองเราเองให้ดี

 

ส่วนสาเหตุอื่นๆ องการแพ้นั้น ก็อาจจะเป็นการแพ้ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่มีส่วนผสมจากสารเคมี ซึ่งทำให้ร่างกายของเรารู้สึกว่านี่คือสิ่งแปลกปลอมที่ต้องกำจัดออกไปให้เร็วที่สุด ดังนั้น เวลาใช้ของสิ่งใด ก็ควรจะระวังให้ดี สิ่งของเหล่านั้นก็อย่างเช่น น้ำหอม ยาปฏิชีวนะ ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน น้ำยาขัดห้องน้ำ เป็นต้น

อาการของคนที่เป็นภูมิแพ้ก็อาจจะมีน้ำมูก (สำหรับคนที่แพ้อากาศ) หรือว่าจามบ่อยๆ (สำหรับคนที่แพ้เกสรดอกไม้หรือว่าแพ้ขนสัตว์) บางคนอาจจะมีผดผื่นหรือว่าบวมแดง (สำหรับคนที่แพ้แมลงกัดต่อย หรือว่าแพ้อาหารต่างๆ)

หากว่าเรารู้ตัวว่าเป็นภูมิแพ้ สิ่งแรกที่เราจะต้องทำก็คือ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เราเป็นภูมิแพ้ หากว่าเราแพ้ขนสัตว์ ก็ไม่ควรเลี้ยงสัตว์ หากว่าเราแพ้อากาศ ก็ควรจะหลีกเลี่ยงการอยู่ในเมืองใหญ่ๆหรือในสภาวะแวดล้อมที่เป็นพิษ เป็นต้น

หากว่าเราไม่ทราบว่าแท้ที่จริงแล้วเราแพ้อะไรนั้น เราอาจจะไปพบหมอ เพื่อให้หมอช่วยตรวจหาสาเหตุก็ได้ โดยให้ไปในช่วงที่มีอาการแพ้ ซึ่งหมอก็จะสามารถที่จะหาสาเหตุได้จากการเจาะเลือดมาทดสอบ

เมื่อเรารู้แล้วว่าเราแพ้สารชนิดใด เราก็ควรจะหลีกเลี่ยงเพราะแม้การแพทย์ในปัจจุบันมียาช่วยบรรเทาอาการดังกล่าว แต่ว่าก็ไม่ได้ผลนัก หรือมีอีกวิธีก็คือ การให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนฝั่งเข็ม เพื่อกระตุ้นจุดที่ควบคุมระบบของร่างกายที่ทำให้เกิดอาการ ดังกล่าว

วิธีการที่จะทำให้อาการภูมิแพ้ของเราไม่กำเริบก็ได้แก่

1.ทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ เพื่อไม่ให้บ้านของเราเต็มไปด้วยฝุ่นละอองต่าง ๆ
2.เครื่องนอนจะต้องสะอาด หมั่นซักทำความสะอาดและนำไปตากแดดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันตัวไรฝุ่น
3.สารเคมี หรือน้ำยาทำความสะอาดต่างๆ ไม่ควรจะใช้มือสัมผัสโดยตรง ทางที่ดีควรมีถุงมือยางเอาไว้ใส่ เพื่อไม่ให้เกิดอาการแพ้ หรือว่าให้เราเลือกสูตรที่เป็นธรรมชาติและอ่อนโยนต่อผิวหนังและสิ่งแวดล้อม
4.ห้ามเครียด เพราะความเครียดเป็นตัวที่ทำให้โรคภูมิแพ้ของเรามีอาการหนักขึ้นกว่าเดิม
5.หากว่าเรามีลูก ควรให้ลูกดื่มนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน เพราะในน้ำนมของแม่จะมีภูมิต้านทาน ซึ่งเด็กที่ไม่ได้ดื่มนมแม่เมื่อแรกเกิดจะมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ได้สูงกว่าเด็กที่ดื่มนมแม่ 6.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะหากว่าร่างกายของเราได้รับปริมาณสารอย่างเพียงพอร่างกายของเราก็สามารถที่จะสร้างภูมิต้านทานไปต่อสู้กับอาการแพ้ต่างๆ ได้ ซึ่งอาหารที่เราเลือกมารับประทานนี้ ควรจะเป็นอาหารสดๆ และยังไม่ผ่านการปรุงแต่ง เพราะว่าสารที่ใช้ในการปรุงแต่งอาหารมักจะทำให้เราเกิดอาการแพ้ได้ง่าย

ข้อสำคัญเมื่อเราเป็นภูมิแพ้ ก็คือ เราอย่าคิดเองเออเองว่าเราเป็นภูมิแพ้โดยที่ยังไม่ได้ไปหาหมอ เพราะอาการแบบเดียวกันนั้นเราอาจจะเป็นโรคอื่นๆ ที่ร้ายแรงกว่าที่เป็นได้นอกจากนี้หากว่าเรามีอาการแพ้ยาตัวไหน ก็ให้เราจดจำเอาไว้ขึ้นใจ เมื่อไปหาหมอครั้งต่อไป ก็ให้บอกหมอว่าเราแพ้ยาตัวนี้ เพื่อที่หมอจะได้จัดยาให้เราถูก เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง และไม่มีอาการแพ้ตามมา